๑๔
ภารตะศึ
กษาฟอรั่
ม (๒)
สิ่
งที่
ผมได้
ทราบเป็
นครั
้
งแรกจากหนั
งสื
อเล่
มนี
้
(Wings of Fire) ก็
คื
อ
เกาะราเมศวรั
ม
๒๘
ราเมศคื
อพระราม ได้
มาสร้
างวั
ดศั
กดิ ์
สิ
ทธิ ์
ที่
จุ
ดนี
้
ซึ่
งสํ
าคั
ญเท่
ากั
บ
อี
กแห่
งหนึ่
งที่
พาราณสี
๒๙
มี
คนบอกว่
าผู
้
ที่
ไปไหว้
ที่
พาราณสี
มาแล้
ว ถ้
ายั
งไม่
มาไหว้
ที่
วั
ดในราเมศวรั
มถื
อว่
าไม่
ครบ เกาะแห่
งนี
้
เป็
นสถานที่
ที่
พระราม
๓๐
ได้
บั
ญชาให้
หนุ
มานสร้
างทางไปที่
ศรี
ลั
งกาและเริ่
มต้
นที่
ธนุ
ษโกฏิ
๓๑
ธนุ
คื
อธนู
โกฏิ
แปลว่
าหยุ
ด
หรื
อปลาย พระรามหยุ
ดธนู
ตรงนี
้
แล้
วให้
หนุ
มานสร้
างทางไป เรื่
องการฆ่
าคู
่
ต่
อสู
้
ใน
สงครามของกษั
ตริ
ย์
ถื
อเป็
นเรื่
องหน้
าที่
ถ้
าได้
ดู
มหาภารตะก็
จะเข้
าใจ กฤษณะบอก
อรชุ
นว่
าไม่
เป็
นไรเพราะเป็
นหน้
าที่
๓๒
แต่
เมื่
อรบชนะแล้
วต้
องมาทํ
าพิ
ธี
ขอขมา
พระรามกลั
บมาที่
เกาะราเมศวารั
มเพื่
อมาสร้
างวั
ด แล้
วให้
หนุ
มานเหาะไปที่
เขา
ไกรลาศซึ่
งปั
จจุ
บั
นอยู
่
ในธิ
เบต เพื่
อไปนํ
าเอาศิ
วลึ
งค์
กลั
บมาบู
ชา ปรากฏว่
า หนุ
มาน
ไปนานเหลื
อเกิ
น ยั
งไม่
กลั
บมาเสี
ยที
นางสี
ดาจึ
งเอาทรายริ
มฝั
่
งทะเลมาปั
้
นเป็
น
ศิ
วลึ
งค์
ด้
วยพลั
งของนางสี
ดา พอปั
้
นเสร็
จทรายกลายเป็
นรู
ปทรงเลย ไม่
ใช่
ทราย
ธรรมดาแล้
ว จั
งหวะเดี
ยวกั
บที่
หนุ
มานกลั
บมาพร้
อมแบกศิ
วลึ
งค์
กลั
บมาด้
วย
หนุ
มานน้
อยใจว่
ามา ที
หลั
ง พระรามจึ
งขอให้
เอาศิ
วลึ
งค์
ทั
้
งสองไว้
ด้
วยกั
น ในวั
ดแห่
ง
นี
้
ใครจะบู
ชาศิ
วลึ
งค์
ที่
นางสี
ดาทํ
า ต้
องบู
ชาศิ
วลึ
งค์
ที่
หนุ
มานนํ
ามาก่
อน ที่
วั
ดแห่
งนี
้
ยั
งมี
นํ
้
าบ่
อศั
กดิ ์
สิ
ทธิ ์
๑๗ บ่
อ แต่
ละบ่
อแม้
ว่
าจะอยู
่
ติ
ดทะเลแต่
กลั
บเป็
นนํ
้
าจื
ดและนํ
้
า
แต่
ละบ่
อมี
รสชาติ
ไม่
เหมื
อนกั
น ชาวฮิ
นดู
ตั
กมารดศรี
ษะเพื่
อความเป็
นสิ
ริ
มงคล
ท่
านกาลั
มเกิ
ดที่
เกาะแห่
งนี
้
สมั
ยที่
เป็
นนั
กเรี
ยนประถม มี
ครู
สอน
คณิ
ตศาสตร์
สอนพิ
เศษให้
นั
กเรี
ยน ๕ คนโดยไม่
คิ
ดเงิ
น สอนทุ
กวั
นๆละชั่
วโมง ต้
อง
๒๘
เกาะราเมศวรั
ม (Rameswaram) ตั
้
งอยู
่
ทางตอนใต้
ของรั
ฐทมิ
ฬนาฑู
(Tamil Nadu) เกาะนี
้
เคย
ถู
กพายุ
ไซโคลนพั
ดถล่
มในปี
ค.ศ.๑๙๖๔ (พ.ศ.๒๕๐๗) เป็
นสถานที่
สํ
าคั
ญและศั
กดิ ์
สิ
ทธิ ์
แห่
งหนึ่
ง
ของอิ
นเดี
ย เนื่
องจากในมหากาพย์
รามายณะ พระรามรั
้
งทั
พทํ
าพิ
ธี
บวงสรวงพระศิ
วะหลั
งจากรบ
กั
บทศกั
ณฑ์
ที่
เกาะลงกา (ประเทศศรี
ลั
งกาในปั
จจุ
บั
น)
๒๙
เมื
องพาราณสี
(Varanasi) ตั
้
งอยู
่
ในรั
ฐอุ
ตตระประเทศ (Uttar Pradesh) เป็
นเมื
องที่
มี
แม่
นํ
้
า
คงคา (Ganga) ไหลผ่
านและถื
อว่
าเป็
นบริ
เวณที่
ศั
กดิ ์
สิ
ทธิ ์
ที่
สุ
ด
๓๐
มหากาพย์
รามายณะ ตอนที่
หนุ
มานสร้
างทางข้
ามทะเลไปยั
งเกาะลงกาเพื่
อตามหานางสี
ดา
๓๑
ธนุ
ษโกฏิ
(Dhanushkodi) ตั
้
งอยู
่
ปลายเกาะราเมศวรั
ม ชาวฮิ
นดู
จะมาอาบนํ
้
าชํ
าระบาปกั
นที่
นี่
หลั
งจากที่
ไปพาราณสี
มาแล้
ว การแสวงบุ
ญจึ
งจะสมบู
รณ์
ธนุ
ษโกฎิ
เคยเป็
นท่
าเรื
อที่
รุ่
งเรื
องซึ่
ง
เชื่
อมระหว่
างอิ
นเดี
ยกั
บศรี
ลั
งกา มี
ระยะห่
างเพี
ยง ๒๐ กิ
โลเมตร
๓๒
บทสนทนาระหว่
างกฤษณะกั
บอรชุ
นในระหว่
างการทํ
าสงครามในมหากาพย์
มหาภารตะ
ปรากฏอยู
่
ใน “ภควั
ทคี
ตา” (Bhagavad Gita)