ภารตะ : โลกแห่
งศาสนาและวิ
ทยาศาสตร์
๗
keynote speech ซึ่
งน่
าประทั
บใจมาก ผมคิ
ดว่
าประธานาธิ
บดี
ท่
านนี
้
เหมื
อน
ศาสตราจารย์
รู
ปร่
างไม่
ใหญ่
แต่
พู
ดจาอ่
อนน้
อมถ่
อมตั
ว
สิ่
งหนึ่
งที่
ผมประทั
บใจ ซึ่
งถ้
าคิ
ดกั
นได้
อย่
างนี
้
ก็
จะดี
กล่
าวคื
อที่
อิ
นเดี
ยมี
พลเมื
องเยอะ หากท่
านเคยไปอิ
นเดี
ยท่
านจะสั
งเกตดู
ขั
้
นตอนการตรวจคนเข้
าเมื
อง
เวลาจะเข้
าหรื
อออกนอกประเทศ จะต้
องมี
คน ๓ คน คนหนึ่
งเอาพาสปอร์
ตไปดู
ว่
า
ถู
กหรื
อเปล่
า แล้
วส่
งให้
อี
กคนหนึ่
งประทั
บตรา และอี
กคนหนึ่
งยื่
นคื
นให้
เรา ต้
องใช้
คนทํ
างานถึ
ง ๓ คน ตอนแรกผมก็
งงว่
าทํ
าไมต้
องใช้
คน ๓ คน ก็
คิ
ดว่
าแย่
แต่
ไม่
ใช่
เป็
นเพราะว่
าคนของเขาเยอะ เขาต้
องแบ่
งรายได้
ให้
เท่
าๆ กั
น ถ้
าใช้
คนเดี
ยวก็
ให้
เงิ
นเดื
อนเยอะคนเดี
ยว แต่
อี
ก ๒ คนก็
จะอดตาย ลองนึ
กถึ
งปรั
ชญาของเขาดู
และ
ผมยั
งได้
ไปเจอลั
กษณะอย่
างนี
้
ตอนที่
ไปประชุ
มว่
าด้
วยเรื่
องอวกาศอิ
นเดี
ยที่
บั
ง ก าลอ ร์
๑๕
เ ขาส่
ง สู
จิ
บั
ต รล่
ว งหน้
ามา ใ ห้
แจ้
ง ว่
าพิ
ธี
เ ปิ
ดที่
หอปร ะชุ
ม
Visvesvaraya
๑๖
ผมสงสั
ยว่
าอาจจะเป็
นหอประชุ
มใหญ่
โตแบบของบ้
านเรา แต่
พอ
ไปถึ
งกลั
บปรากฏว่
าเป็
นเต้
นท์
เขาเรี
ยก hall (หอประชุ
ม) แต่
เป็
นเต้
นท์
ที่
ใหญ่
มาก จุ
คนได้
ถึ
งห้
าพั
นคน มี
เครื่
องปรั
บอากาศด้
วย ใช้
เวลาประกอบเต้
นท์
๒ เดื
อน แล้
ว
หลั
งจากประชุ
มเสร็
จใช้
เวลาเก็
บอี
ก ๑ เดื
อน ตอนแรกผมก็
งงๆ ว่
าทํ
าไมเขาทํ
าอย่
าง
นี
้
อ้
าว จ้
างคนอี
กแล้
ว เพราะมี
แรงงาน ถ้
าสร้
างตึ
กสํ
าหรั
บประชุ
มเสร็
จแล้
ว ก็
จะ
ไม่
ได้
จ้
างแรงงานอี
ก แล้
วตึ
กประชุ
มก็
ไม่
ค่
อยจะได้
ใช้
งานด้
วย รั
ฐบาลไทยชอบไป
สร้
างตึ
กตามต่
างจั
งหวั
ดไว้
มากมายแล้
วจั
ดงานปี
ละไม่
กี่
ครั
้
ง เห็
นแล้
วรู
้
สึ
กเสี
ยดาย
ที่
อิ
นเดี
ยเขาคิ
ดอย่
างนี
้
ซึ่
งผมคิ
ดว่
าเมื
องไทยเราต้
องเปลี่
ยนความคิ
ดใหม่
เรามี
แต่
ฮาร์
ดแวร์
ไม่
ค่
อยมี
ฮิ
วแมนแวร์
และซอฟต์
แวร์
แต่
ที่
อิ
นเดี
ยเขาต้
องการให้
ทุ
ก
คนมี
งานทํ
า อย่
างน้
อยให้
การกิ
นอยู
่
อย่
างตํ่
าที่
สุ
ดคื
อต้
องอยู
่
ได้
ใช่
ไหม นี่
เป็
นประการ
หนึ่
ง
อี
กประการหนึ่
งที่
ผมเป็
นห่
วงก็
คื
อ เรามั
กจะคิ
ดจากบริ
บทของเราเอง แต่
จากการศึ
กษาอิ
นเดี
ยและจี
น ทํ
าให้
รู
้
ว่
าแต่
ละประเทศมี
ความจํ
าเป็
นไม่
เหมื
อนกั
น
เช่
นในช่
วงที่
มี
ไฟดั
บบ่
อย ไม่
ได้
หมายความว่
าเขาไม่
มี
ไฟฟ้
าใช้
แต่
เขาต้
องใช้
ในด้
าน
ป้
องกั
นประเทศและด้
านอุ
ตสาหกรรมหนั
กเพื่
อจะพั
ฒนาประเทศได้
เร็
วขึ
้
นเพราะ
๑๕
เมื
องบั
งกาลอร์
(Bangalore) เป็
นเมื
องหลวงของรั
ฐกรณาฎกะ (Karnataka) ตั
้
งอยู
่
ในภาคใต้
ของอิ
นเดี
ย และเป็
นที่
ทราบกั
นดี
ว่
าเป็
น IT City of India (เมื
องไอที
ของอิ
นเดี
ย)
๑๖
ชื่
อของหอประชุ
มมาจากชื่
อของ Sir MV หรื
อ Mokshagundam Visvesvaraya (ค.ศ.๑๘๖๐ –
๑๙๖๒ / พ.ศ.๒๔๐๓ – ๒๕๐๕) เป็
นวิ
ศกรที่
มี
ชื่
อเสี
ยงของอิ
นเดี
ย